ผลตกค้าง Residual effect หมายความว่าเมื่อพ่นสารออกไปแล้ว สารจะคงอยู่ได้นานเพียงใดก่อนที่สารจะสลายตัวตามธรรมชาติได้หลายทางเช่น ความร้อน รังสี UV จุลินทรีย์กินเป็นอาหารก็สลายตัวได้ครับ
โดยค่าผลตกค้างของแต่ละสารจะแตกต่างกันไปโดยมีค่าเป็นระยะเวลาที่สารจะสลายตัวไปครึ่งนึง คือครึ่งชีวิต Half life เช่นสารมี Half life 4 สัปดาห์ ถ้าพ่นสารลงไป 1000 กรัมวันนี้ เวลาผ่านไป 4 สัปดาห์ สารนี้จะสลายตัวไป 500 กรัม และอีก 4 สัปดาห์ก็จะสลายตัวไปอีก 250 กรัม
ความเป็นพิษของสาร วัดกันโดยค่าที่เรียกว่า LD50 คำเต็มคือ Lethal Dose คือจำนวนของสารที่ทำให้กลุ่มของสัตว์ทดลองตาย 50% มีค่าเป็นหน่วยน้ำหนักสารต่อน้ำหนักสัตว์เป็นกิโลกรัม ดังนั้นสารใดที่มีค่านี้สูงแสดงว่ามีพิษน้อย และสารใดมีค่านี้ต่ำกว่าก็แสดงว่ามีพิษมากกว่า
เนื่องจากพิษของสารกำจัดวัชพืชทั้งสองชนิดจะเกิดปฏิกิริยาเมื่อสัมผัสกับพื้นที่สีเขียวเท่านั้น สารที่สัมผัสเปลือกของต้นหรือกิ่งก้านที่เป็นสีน้ำตาล จะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เท่ากับว่าถ้าสารที่พ่นออกไปตกดินหรือพ่นไปโดนลำต้นก็จะไม่มีผลต่อพืชเลย
ข้อมูลพิษตกค้างและความเป็นพิษ
พาราขวัทมีพิษตกค้างสั้นจนไม่บอกเป็นระยะเวลาครึ่งชีวิต แต่รายงานว่าจะสลายตัวจนหมดในเวลาไม่เกิน 1 เดือน ความเป็นพิษของพาราขวัทมีค่าที่ LD50 120 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ไกลโฟเสท มีผลตกค้างสั้นมากหรือแทบไม่มีเลย การวิจัยส่วนใหญ่พบว่ามีผลตกค้างไม่เกิน 7 วัน
ความเป็นพิษของไกลโฟเสทอยู่ที่ LD50 5,500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
จะเห็นได้ว่าพาราขวัทมีความเป็นพิษมากกว่าไกลโฟเสทเกือบ 50 เท่า
แต่ถ้าเทียบกับเกลือแกงที่เรานำมาปรุงรสอาหารทั้งในเกลือผงที่เป็นเกลือทะเลหรือเกลือสินเธาว์ เกลือแกงกลับมีพิษสูง โดยมีค่า LD50 3,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
สรุปว่าพาราขวัทมีพิษมากกว่าเกลือแกง 25 เท่า แต่เกลือแกงมีพิษมากกว่าไกลโฟเสทเกือบสองเท่านะครับ